หลายอุตสาหกรรมได้ต่างก็มาให้ความสนใจกับโลก Metaverse เพิ่มมาขึ้นเรื่อย ๆ และล่าสุดทาง GQ แบรนด์เสื้อผ้าชั้นนำก็ได้ก้าวตามเทรนด์โลกสู่ Metaverse เช่นเดียวกัน โดยออก GQ NFT ที่มาพร้อมกับสิทธิพิเศษต่าง ๆ ทาง GQ ได้เล็งเห็นถึงจุดแข็งด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเครื่องแต่งกายโดยได้นำเอามาปรับใช้ให้เข้ากับกลุ่มลูกค้าในยุคใหม่ จึงได้ร่วมมือกับ Monday Club ปล่อย GQ x Monday Club NFTs Collection กว่า 100 ชิ้น ให้สาวก NFT และแฟน GQ ได้จับจองเป็นเจ้าของ ซึ่งถือเป็น NFT ที่อยู่ในตระกูล RARE จาก BRANDED EDITION AVATAR ทั้งหมด โดยศิลปินของ Monday Club เป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานทั้ง 100 ชิ้นนี้ขึ้นนั่นเองสำหรับกิจกรรมนี้ จะมีกล่องปริศนาให้เราได้ลุ้น โดยกล่องปริศนาที่ว่านั้น แต่ละกล่องจะบรรจุ NFT คาแรกเตอร์ GQ x Monday Club NFTs Collection พร้อมใส่เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับทั้งจาก GQ และ Monday Club โดยผู้ที่สนใจเตรียมตัวให้พร้อม ทาง GQ จะทำการแจก NFTs 30 ชิ้นแรกฟรี (บน Binance Smart Chain) ซึ่งจะเริ่มให้เปิดกล่องสุ่มนี้อย่างเป็นทางการ ผ่านหน้าเว็ปไซต์ https://mondayclub.io/gq สำหรับสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับในอนาคตจาก GQ x Monday Club NFTs Collection ก็มีมากมาย เช่น เข้าร่วมกับทุก ๆ ผลิตภัณฑ์ใน Monday Club ด้วยราคาและสิทธิพิเศษมากกว่าใคร , รับส่วนลดสุดพิเศษในการซื้อสินค้า GQ…
Author: The Enterprise Creative Content Writer
อย่างที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า ChatGPT เป็นเทคโนโลยีที่กำลังคลืบคลานเข้ามาทำหน้าที่แทนการทำงานของมนุษย์ได้อย่างน่ากลัวมาก และล่าสุด ChatGPT ไม่ใช่เพียงแค่ตอบคำถามได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ไปไกลถึงขั้นถูกนำมาใช้ ตัดสินคดี ได้แล้ว ในทางอเมริกาได้มองว่าการใช้เทคโนโลยีจาก AI ไม่ใช่การแย่งงานแต่เป็นการช่วยงานมนุษย์มากกว่า ซึ่งอเมริกาได้มีโครงการพยายามใช้ AI ตัดสินคดีง่าย ๆ มานานแล้ว แต่ความน่าสนใจในเคสของผู้พิพากษาโคลอมเบียนี้ คือ ผู้พิพากษาได้รายงานการใช้ AI ประกอบการวินิจฉัยคดีชัดๆ รวมถึงเหตุผลการใช้ว่าจะเป็นการช่วยให้เขียนคำพิพากษาได้เร็วขึ้น แน่นอนว่าฝ่ายต่อต้าน AI ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่า ความผิดพลาดที่ ChatGPT เคยก่อ รวมถึงอคติที่มีในระบบประมวลผล ซึ่งนัยหนึ่งก็เพื่อจะบอกว่า การเปิดโอกาสให้ ChatGPT ใช้อำนาจสำคัญอย่างหนึ่งในระบอบประชาธิปไตยอย่างอำนาจตุลาการ ไม่ใช่เรื่องเหมาะสม แต่ถึงอย่างไรระบบยุติธรรมไม่ว่าจะดีแค่ไหนในโลก มนุษย์ก็มีความผิดพลาดได้เช่นเดียวกัน ซึ่งผู้พิพากษาได้กล่าวว่า เขาได้ใช้ AI เข้ามาช่วยในการคิดและร่างคำพิพากษา โดยคำตัดสินสุดท้ายก็ยังเป็นไปโดยมนุษย์อยู่ดี เรื่องของเทคโนโลยีเป็นส่งที่เราไม่สามารถคาดเดาได้ ซึ่งในอนาคตก็อาจจะมีนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่มีความสามารถและฉลาดมากขึ้น จนในที่สุดมาแย่งอาชีพจากเราไปได้จริง ๆ นั่นเป็นเรื่องที่เราคงต้องมานั่งถกเถียงและหาคำตอบกัน เชื่อว่าคงมีหลายประเด็นเลยทีเดียว เพราะสุดท้ายมนุษย์ก็หนีไม่พ้นที่จะต้องใช้ความสามารถของเทคโนโลยีมาใช้งานจริง ๆ Source : https://www.vice.com/en/article/k7bdmv/judge-used-chatgpt-to-make-court-decision?fbclid=IwAR0FDhBQi-wVZ1FIp-3tU-aa7EfQO1BKpZqQM8Np-kkO-ZA Judge Just Used ChatGPT to Make a Court DecisioniffqTSviO-ygA
คนเก่ง ๆ ในประเทศญี่ปุ่นเริ่มย้ายไปทำงานต่างประเทศมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศ จนทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศข้อกำหนดใหม่ในการยื่นขอวีซ่า J-SKIP และ J-FIND ขึ้น เพื่อดึงคนมีความสามารถรุ่นใหม่เข้าประเทศ วีซ่า J-SKIP (Japan System for Special Highly Skilled Professionals)’ เป็นวีซ่าทำงานประเภท 5 ปี สำหรับนักวิจัยและวิศวกรรายได้ 20 ล้านเยนต่อปี หรือประมาณ 5 ล้านบาท ที่มีวุฒิปริญญาโทหรือประสบการณ์การทำงานอย่างน้อย 10 ปี และผู้บริหารระดับสูงประสบการณ์อย่างน้อย 5 ปี ที่มีรายได้อยู่ที่ 40 ล้านเยนต่อปี หรือประมาณ 10 ล้านบาท โดยนักวิจัย วิศวกร และผู้บริหารระดับสูงที่มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดนี้ สามารถสมัครงานและย้ายถิ่นฐานมายังประเทศญี่ปุ่นได้ทันที โดยไม่ต้องสอบวัดระดับ Point-Based System และหลังจากอยู่ในญี่ปุ่นเป็นเวลา 1 ปี ผู้ถือวีซ่านี้สามารถยื่นขอวีซ่าถาวรได้ โดยไม่ต้องรอให้ถึง 3 ปี อีกด้วย ส่วนวีซ่า J-FIND (Japan System for Future Creation Individual Visa)’ เป็นวีซ่าสำหรับผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ 100 อันดับแรกของโลกจากการกำหนดโดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของญี่ปุ่น ที่มีรายได้ขั้นต่ำ 200,000 เยนต่อเดือน หรือประมาณ 50,000 บาท และเป็นผู้ที่ต้องการหางานทำในประเทศญี่ปุ่น โดยวีซ่า J-FIND จะช่วยให้พวกเขาสามารถอยู่ในประเทศญี่ปุ่นเพื่อหางานทำได้สูงสุดถึง 2 ปี ต่างจากเดิมที่อยู่ได้เพียง 90 วัน นอกจากนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นยังประกาศอีกว่าจะพยายามส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่หางานในญี่ปุ่นได้ง่ายขึ้นเพื่อดึงเอาคนเก่ง ศักยภาพสูง ที่มีรายได้ดีเข้าสู่ประเทศ หลังจากที่กลายเป็นประเทศสังคมผู้สูงวัยที่คนรุ่นใหม่เริ่มออกจากประเทศจนเกือบหมด Source : https://economictimes.indiatimes.com/nri/migrate/japan-enters-the-global-immigration-war-plans-new-visa-pathways-to-attract-high-earners-top-grads/articleshow/98047120.cms ติดตามเราได้ที่ช่องทางอื่นๆ Facebook : https://www.facebook.com/the.enterprise.platform Website: https://www.theenterprise.cc Blockdit : https://www.blockdit.com/the.enterprise.platform…
NFT ยังไม่ตาย เพราะวงการเพลงเริ่มเข้ามาสู่โลกของ NFT เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ล่าสุด Rihanna นักร้องหญิงระดับโลก ได้มีการประกาศปล่อยเพลง Bitch Better Have My Money และจะมาในรูปแบบของ NFT ให้ผู้ถือได้รับส่วนแบ่งจากรายได้บน Streaming โดยมีทั้งหมด 300 ชิ้น ตาม Press Release ที่ถูกปล่อยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เพลงใหม่ของ Rihanna ที่ชื่อว่า “Bitch Better Have My Money” จะออกมาพร้อม NFT สุดพิเศษ ก่อนที่เธอจะไปแสดงในงาน Super Bowl การออก NFT ในครั้งนี้ได้ถูกจัดการโดย Anotherblock โดยจะออกมาทั้งหมด 300 ชิ้น ซึ่งในแต่ละชิ้นผู้ซื้อจะได้รับส่วนแบ่ง 0.0033% ของค่าธรรมเนียมจากสตรีมอีกด้วย พร้อมกับระบุวันที่จะได้รับส่วนแบ่งแรกในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ และส่วนอื่นๆ ในทุกๆ 6 เดือนหลังจากนั้น พิเศษยิ่งไปกว่านั้น คนที่ซื้อ NFT ชิ้นนี้ไป ไม่ได้จะรับส่วนแบ่งเพียงอย่างเดียว แต่จะได้ห้อง Discord ส่วนตัว ที่จะสามารถเข้าถึงกิจกรรมต่าง ๆ ของ Rihanna และเข้าถึงชิ้นงาน NFT ใหม่ๆ ที่จะมีขึ้นในอนาคตอีกด้วย ผู้ซื้อถือว่าได้ผลประโยชน์ไปแบบ 2 ต่อเลยทีเดียว เมื่อผลงานได้ปล่อยออกไป ก็ได้ผลตอบรับที่ดีแบบถล่มทลาย NFT ทั้งหมด 300 ชิ้น ขายออกหมดในเวลาเพียงไม่กี่นาที สำหรับปรากฎการณ์ในครั้งนี้ NFT ไม่ใช่เป็นเพียงแค่กระแสที่ผ่านมาและผ่านไป เพราะศิลปินหลายคนก็ได้กระโดดเข้ามาในวงการนี้ทั้งนั้น ซึ่ง NFT สามารถไปได้ไกลในอีกหลาย ๆ วงการ ที่ไม่ใช่แค่จำกัดอยู่ในสายของศิลปะอย่างเดียวอย่างที่ใครหลาย ๆ คนคิดไว้ Source : https://www.coindesk.com/web3/2023/02/10/popular-rihanna-song-offered-as-nft-with-royalty-sharing-ahead-of-super-bowl/ ติดตามเราได้ที่ช่องทางอื่นๆ Facebook :…
บาเซโลนา—Mobile World Congress 2023 – บริษัท วีเอ็มแวร์ จำกัด (NYSE: VMW) ประกาศนวัตกรรมและขยายความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ทั้งผู้ให้บริการและพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์กลุ่ม Edge เพื่อตอบสนองความต้องการที่พัฒนาขึ้นของผู้ให้บริการโทรคมนาคม (CSP) และองค์กรธุรกิจ Sanjay Uppal รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายดูแลผู้ให้บริการและผู้ใช้ทั่วไปของ VMware กล่าวว่า “ในขณะที่ผู้ให้บริการอัปเดตเครือข่ายและสร้างรายได้จากบริการของพวกเขา ธุรกิจต่าง ๆ กำลังมองหาวิธีที่ปลอดภัย เชื่อถือได้ และมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการนำเสนอแอป ข้อมูล และบริการไปยังสำนักงานสาขา โรงงาน คลินิก และร้านค้าปลีก ที่งาน Mobile World Congress 2023 เราได้ประกาศนวัตกรรมเพิ่มขีดความสามารถและช่วยให้ลูกค้าของเราบรรลุเป้าหมายภายใต้ความพยายามทรานส์ฟอร์มธุรกิจของพวกเขา ด้วยการจัดหาโซลูชันมัลติคลาวด์สำหรับผู้ให้บริการ เพื่อปรับปรุงเครือข่าย รวมทั้งความสามารถด้านความปลอดภัยเพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้ปลายทาง (edge)” ช่วยให้ ผู้ให้บริการการด้านโทรคมนาคม (CSPS) เพิ่มประสิทธิภาพ เครือข่ายให้ทันสมัยด้วยการใช้ประโยชน์จากขุมพลังของ 5G VMware นำเสนอการปรับใช้แพลตฟอร์ม VMware Telco Cloud by CSP พร้อมกับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึงการขยายเครือข่ายพันธมิตร ซึ่งไฮไลท์ที่เปิดตัวในงาน มีดังนี้: VMware เปิดตัวนวัตกรรมและข้อเสนอที่พัฒนาเพิ่มเติมเพื่อช่วยให้ผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคม (CSP) ปรับปรุงเครือข่ายของพวกเขาให้ทันสมัยขึ้นได้อย่างง่ายดาย พร้อมทั้งเปิดวิสัยทัศน์สำหรับ กรอบการบริหารจัดการบริการด้านโทรคมนาคมที่มีความซับซ้อนให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือ ผ่าน Service Management and Orchestration Framework (SMO) ซึ่งสอดคล้องไปกับแนวทางของ O-Ran Alliance ที่จะช่วยให้ผู้บริการด้านโทรคมนาคมหรือการสื่อสารสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพ VMware ESXi ให้สามารถใช้งาน RAN และแอปพลิเคชันได้อัตโนมัติ นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัวตัวอย่างเทคโนโลยี (Technical Preview) ที่ช่วยให้ผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคม (CSPs) สามารถเติมเต็มความสามรถของ VMware ESXi ให้ทำงานทั้งรูปแบบ Disaggregation และแบบ Virtualized RAN functions โดยตรงบนเซิร์ฟเวอร์ที่เป็น Bare Metal…
เคยสงสัยไหมว่าพืชใบเขียวที่อยู่รอบตัวเรามีเสียงเป็นยังไง ? ด้วยความอยากรู้ว่าต้นกระบองเพชรจะมีเสียงแบบไหน ทำให้ Love Hultén ช่างไม้ที่มีความสนใจเกี่ยวกับโสตทัศนศิลป์ ตัดสินใจ ออกแบบและสร้าง ‘Desert Songs’ กล่องดนตรีขนาดใหญ่ที่บรรจุต้นกระบองเพชรเพื่อดึงเอาเสียงภายในออกมาด้วยวิธีอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา โดยใช้สายไฟ ข้อมูล และเครื่องเสียงที่เขาสร้างขึ้นเอง Love Hultén ได้นำแนวคิด Plantwave ที่สร้างเสียงดนตรีจากต้นไม้ด้วยการรวบรวม Bio-data จากพืชมาแปลงเป็นสัญญาณไฟฟ้า ที่จะได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นคลื่นเสียงที่ต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำที่อยู่ภายในระหว่างกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชชนิดนั้นๆ แต่สิ่งที่ทำให้ Desert Songs แตกต่างจากเพลงที่ทำขึ้นด้วยแนวคิด Plantwave ทั่วไปเลยคือ การที่ Love Hultén สังเกตเห็นว่ากระบองเพชรแต่ละสายพันธุ์จะให้ผลลัพธ์เป็นเสียงที่แตกต่างกัน ทำให้ภายในกล่อง Desert Songs ประกอบด้วยกระบองเพชรหลากหลายสายพันธุ์ที่ให้สัญญาณที่หลากหลายและถูกส่งออกมาแบบสุ่ม เพื่อแปลงเป็นสัญญาณ MIDI สำหรับป้อนไปยังเครื่องสังเคราะห์เสียง Korg NTS-1 ก่อนจะส่งไปตีความใหม่โดยอุปกรณ์เอฟเฟกต์ Hologram Electronics Microcosm อีกครั้ง จนทำให้เสียงที่ออกมาจากต้นกระบองเพชรมีความลึกลับและน่าค้นหายิ่งขึ้น Source : https://www.designboom.com/technology/love-hulten-desert-songs-cacti-plantwave-01-25-2023/# ติดตามเราได้ที่ช่องทางอื่นๆ Facebook : https://www.facebook.com/the.enterprise.platform Website: https://www.theenterprise.cc Blockdit : https://www.blockdit.com/the.enterprise.platform Linkedin: https://www.linkedin.com/company/73863082 Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCMEwm2AfCtYOAW1dJIGfUkA Spotify: https://open.spotify.com/show/3UP6gTN73hLZosIdWRaJ69
สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีสัดส่วนนักโทษต่อประชากรสูงที่สุดในโลก ซึ่งนักการเมืองจำนวนมากก็ได้พยายามหาวิธีการทำให้นักโทษน้อยลง จนผุดไอเดียที่ไม่เคยมีประเทศไหนใช้มาก่อน คือ โครงการให้นักโทษได้ แลกอวัยวะกับเสรีภาพ สามารถลดโทษจำคุกได้สูงสุดถึง 1 ปี รัฐในอเมริกาหลายรัฐได้มีกฎหมายอนุญาตให้นักโทษบริจาคอวัยวะอยู่แล้ว แต่รัฐแมสซาชูเซตส์ยังไม่มี โดยมีการอ้างว่านักโทษส่วนใหญ่ในคุกเป็นคนดำและคนละตินอเมริกา ซึ่งคนทั้งสองกลุ่มในทางสถิติจะเป็นพวกโรคเกี่ยวกับอวัยวะภายใน และต้องการการปลูกถ่ายอวัยวะกันเยอะ แต่พอมีการเสนอให้เพิ่มโอกาสที่คนเหล่านี้จะบริจาคอวัยวะได้ ก็น่าจะช่วยบรรเทาวิกฤตการขาดแคลนอวัยวะได้ด้วยเหมือนกัน การลดโทษจึงได้กลายมาเป็นแรงจูงใจให้คนบริจาคอวัยวะเท่านั้นเอง ถึงแม้จะมีประเด็นที่คนอาจจะคาดกันว่าเป็นเรื่องของธุรกิจที่จะเข้ามาเป็นส่วนเกี่ยวข้อง แต่ข้อเสนอแบบนี้คงเป็นไปไม่ได้ง่ายๆ ถ้าปัญหานักโทษล้นคุก และปัญหาขาดแคลนอวัยวะเพื่อการปลูกถ่ายนั้นไม่ได้อยู่ในระดับวิกฤต ซึ่งการบริจาคอวัยวะจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อผู้บริจาคอวัยวะตายไปแล้วเท่านั้น ซึ่งนักโทษจะได้รับการลดโทษออกมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ มีอวัยวะครบ เพียงแต่จะมีชื่ออยู่ในลิสต์ผู้บริจาคอวัยวะเท่านั้นเอง Source : https://www.vice.com/en/article/y3p8k5/lawmakers-want-prisoners-to-trade-their-organs-and-bone-marrow-for-freedom?fbclid=IwAR0FYsrcRmVke1r_5qm8UlyTzHLcdQ0kMTtMiVepMFLawmakers Want Prisoners to Trade Their Organs and Bone Marrow for Freedom59s0ikBNmjzDFBcYc
เมื่อพูดถึงห้องนำ้สาธารณะ หลายคนคงมีภาพจำที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก แต่สำหรับห้องนำ้สาธารณะในประเทศญี่ปุ่น ในโครงการ The Tokyo Toilet ได้ชวนนักออกแบบและสถาปนิกมาออกแบบห้องนำ้สาธารณะที่จะทำให้คุณลืมประสบการณ์ที่ไม่ดีเกี่ยวกับห้องนำ้ไปเลย โครงการ The Tokyo Toilet ได้ชวนเหล่านักออกแบบและสถาปนิกมาออกแบบห้องน้ำสาธารณะหลายแห่งทั่วเขตชิบูยาของกรุงโตเกียว เพื่อสร้างการออกแบบที่อบอุ่นและทำให้ประชาชนสามารถใช้ห้องน้ำนอกบ้านกันได้อย่างสบายใจ โดยหนึ่งในนักออกแบบที่ไม่ใช่คนญี่ปุ่นอย่าง ‘Marc Newson’ นักออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมชาวออสเตรเลีย ได้ออกแบบห้องน้ำสาธารณะแห่งที่ 14 จากทั้งหมด 17 แห่ง ชื่อว่า ‘Urasando Public Toilet’ ซึ่งเริ่มเปิดให้ใช้งานไปในวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา ด้านในของห้องน้ำสาธารณะแห่งนี้ทาด้วยสีเขียวพาสเทลเป็นหลัก เพื่อให้เกิดความรู้สึกสบายตา ดูสว่าง ส่วนวัสดุที่เลือกใช้มีความทนทาน ทำความสะอาดง่าย ส่งผลให้พื้นที่สาธารณะมีเสน่ห์ชวนให้หลายคนมาใช้บริการ การออกแบบห้องน้ำของ Marc Newson นอกจากความสร้างสรรค์ในการออกแบบแล้ว สิ่งสำคัญของห้องน้ำสาธารณะแห่งนี้ คือ การเน้นประโยชน์ใช้สอยที่ผู้คนทุกเพศ ทุกวัย หรือผู้พิการสามารถใช้บริการได้อย่างทั่วถึง ซึ่งถ้าในบ้านเราได้ใช้ห้องนำ้แบบนี้บ้างก็คงจะดีเหมือนกัน Source : https://www.designboom.com/design/marc-newson-public-toilet-tokyo-01-23-2023/?fbclid=IwAR1iWtIu76fkSu3vycF02dq2_xyaWQ_oQJg3OD-J8WiwlsvyQNxZ29qXE0I ติดตามเราได้ที่ช่องทางอื่นๆ Facebook : https://www.facebook.com/the.enterprise.platform Website: https://www.theenterprise.cc Blockdit : https://www.blockdit.com/the.enterprise.platform Linkedin: https://www.linkedin.com/company/73863082 Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCMEwm2AfCtYOAW1dJIGfUkA Spotify: https://open.spotify.com/show/3UP6gTN73hLZosIdWRaJ69
การตายไม่ใช่เรื่องที่ง่าย ที่พูดแบบนี้ คือ หมายถึงในเรื่องของการจัดการกับศพต่างหากที่เป็นเรื่องยาก ทั้งในเรื่องการเผาที่ก่อให้เกิดมลภาวะ หรือแม้แต่การฝังศพก็ไม่มีพื้นที่เพียงพอ ด้วยปัญหาเหล่านี้ทำให้เกิดไอเดียการเปลี่ยนร่างมนุษย์ให้กลายเป็นดินกลับคืนสู่ธรรมชาติ Recompose บริษัทสตาร์ทอัปของประเทศอเมริกา ได้เปิดโรงงานและสถานที่จัดงานศพในเมืองซีแอตเทิล ด้วยจุดมุ่งหมายที่ต้องการเปลี่ยนซากศพของมนุษย์ให้กลายเป็นดินที่อุดมไปด้วยสารอาหาร และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในงานเกษตรกรรมต่อได้ หลังจากที่การทำปุ๋ยหมักจากศพมนุษย์ได้รับการรับรองให้ถูกกฎหมายรัฐวอชิงตันเมื่อปี 2019 ภายในโรงเรือนขนาด 19,500 ตารางฟุตของ Recompose เต็มไปด้วยห้องสำหรับทำพิธีศพในแบบเรียบง่ายตามแบบฉบับประเพณีเดิม โดยร่างของผู้เสียชีวิตจะถูกนำไปใส่ในโลงศพแคปซูลเหล็กหกเหลี่ยมพร้อมกับเศษฟางและไม้ เพื่อทำให้เกิดกระบวนการหมักภายใน ก่อนจะกลายสภาพเป็นปุ๋ยหมักที่เต็มไปด้วยสารอาหารสำหรับพืชภายใน 30 วัน หลังจากนั้นดินที่ถูกแยกออกจากวัสดุที่ไม่เกิดการกัดกร่อนจะถูกย้ายไปยังถังบ่มเพื่อทำให้แห้งอีกประมาณ 2 – 6 สัปดาห์ ก่อนที่ทางโรงงานจะส่งดินเหล่านี้คืนให้ครอบครัวหรือเพื่อนของผู้เสียชีวิตสำหรับเก็บรักษา หรือบริจาคต่อให้กับองค์กรพันธมิตรที่ไม่แสวงหาผลกำไรอย่าง Remember Land เพื่อนำดินกลับสู่ธรรมชาติบริเวณป่า Bells Mountain สำหรับใครที่สนใจบริการเปลี่ยนศพให้กลายเป็นปุ๋ยหมัก สามารถใช้บริการ Recompose ได้ในราคา 7,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 234,000 บาท โดยมีเงื่อนไขว่าคุณจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการขนส่งศพไปยังโรงงานด้วยตัวเอง Source : https://www.dezeen.com/2023/02/07/recompose-human-composting-facility-seattle/
หลายคนคงวาดฝันการทำงานที่ไหนสักแห่งในขณะที่เรายังสามารถติดต่อกับลูกค้าหรือประชุมออนไลน์ได้อย่างสะดวก การที่จะบรรลุความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นนี้ก็ต้องได้ความร่วมมือจากบริษัทอื่น ๆ ด้วย โดยในปี 2023 นี้เทรนด์ดิจิทัลเป็นแรงสำคัญที่จะช่วยให้ขับเคลื่อนธุรกิจเติบโตได้เพิ่มมากขึ้น Simon James รองประธานฝ่ายวิทยาศาสตร์ข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ของ Publicis Sapient กล่าวว่า “บริษัทส่วนใหญ่ต้องการการเติบโตและคุณไม่สามารถเติบโตได้โดยการเพิ่มประสิทธิภาพทรัพยากรที่มีอยู่ แต่ต้องเตรียมพร้อมที่จะทดสอบสิ่งใหม่ ๆ ” โดยหลักการนี้หลายธุรกิจก็ทำกันอยู่แล้ว ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพกำลังนตนเองไปสู่ออนไลน์และสถานที่ใหม่ ๆ เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อให้ชีวิตของผู้ใช้สะดวกยิ่งขึ้น โรงแรมและธุรกิจท่องเที่ยวอื่น ๆ มีการลงทุนในการเช่าระยะสั้น เพราะฉะนั้น สำหรับพนักงานที่เดินทางเพื่อธุรกิจและความบันเทิงก็จะได้มีที่พักที่เป็นประโยชน์มากขึ้น ส่วนผู้ค้าปลีกกำลังทดลองกับเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่จะช่วยให้ประโยชน์ของประสบการณ์ร้านค้าออนไลน์เป็นจริง ในทางกลับกันแนวโน้มทั้งหมดเหล่านี้และอื่น ๆ อยู่ในรายงานของ Publicis Sapient ของแนวทางแนวโน้มถัดไปในปี 2023 บริษัทที่ปรึกษา Digital Business Transformation ได้อธิบายถึง ธุรกิจดิจิทัลเป็นธุรกิจที่ควรให้ความสำคัญในปีนี้ ในปี 2023 หัวข้อหลักของอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในรายงาน Next Guide นั่นคือเรื่องของความยั่งยืน ธุรกิจยังสามารถปรับเปลี่ยนและนวัตกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในเวลาที่เหมาะสมได้ ซึ่งในหลายๆเรื่องต้องเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน ตัวอย่างเช่น ในอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค แบรนด์ต่าง ๆ กำลังสร้างความยั่งยืนโดยการมีส่วนร่วมกับลูกค้าให้มากขึ้น มุมมองสำหรับการใช้งานได้จริงเกี่ยวกับ Web3 แม้ว่าการมองไปยังอนาคตเป็นสิ่งสำคัญ แต่ก็จำเป็นอย่างยิ่งเช่นกันที่ธุรกิจต่างๆ จะไม่ก้าวกระโดดไปบนกลุ่มเทคโนโลยีขั้นสูงเพียงเพื่อเห็นแก่ข่าวประชาสัมพันธ์เพียงไม่กี่ข่าว อย่างเรื่องของ Metaverse ทั้งคนดังและนักลงทุนด้านเทคโนโลยีต่างก็พากันพูดถึง กรรมการผู้จัดการฝ่ายที่ปรึกษาด้านการจัดการของ Saba Arab กล่าว “คุณควรลงทุนเพราะคุณเข้าใจว่าผู้บริโภคของคุณคือใคร และเพราะคุณรู้ว่าผู้บริโภคของคุณอยู่บนแพลตฟอร์มไหนมากกว่า” ซึ่งสำหรับสถานการณ์ในตอนนี้ ผู้บริโภค 60 % ยังคงไม่คุ้นเคยกับเรื่องของ metaverse อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีก้าวไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นการยกระดับทักษะพนักงานเพื่อให้สามารถทำงานใน Web3 จึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่หลายธุรกิจสามารถทำได้ในปีนี้ สำหรับในปี 2023 หลายธุรกิจหรือบริษัทต่าง ๆ ก็ต้องพากันการปรับตัวทั้งภายในและภายนอก ซึ่ งคิดว่าอุตสาหกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ด้านคมนาคม , สื่อ , เทคโนโลยี…