Author: The Enterprise Creative Content Writer

The Enterprise - a collaboration of people who are passionate about business innovation and digital for business with the aim to benefit everyone in the enterprise

อย่างที่รู้กันว่า ออสเตรเลียเป็นประเทศในเครือจักรภพ คือ ยอมรับพระมหากษัตริย์สหราชอาณาจักรเป็นประมุขแห่งรัฐ แต่เมื่อหลังจากควีนเอลิซาเบธที่ 2สวรรคตลงเมื่อปี 2022 เสียงเรียกร้องให้ออสเตรเลียออกจากเครือจักรภพก็ดังขึ้นเรื่อยๆ จนมีความเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2023 ธนาคารแห่งชาติออสเตรเลียประกาศว่าธนบัตรใบละ 5 ดอลลาร์ออสเตรเลียที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันจะถูกจัดพิมพ์ขึ้นใหม่ แต่จะไม่มีพระบรมสาทิสลักษณ์ของกษัตริย์อังกฤษพระองค์ใดอยู่บนนั้น ซึ่งจะส่งผลให้ธนบัตรต่างๆ ที่ใช้อยู่ในออสเตรเลียไม่หลงเหลือภาพกษัตริย์อังกฤษอีกต่อไป ส่วนภาพบนธนบัตร 5 ดอลลาร์ฯ ที่จะจัดพิมพ์ขึ้นใหม่ในอนาคตจะคัดเลือกจากบุคคลสำคัญของกลุ่มชนพื้นเมือง ซึ่งตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ก็บ่งชี้ว่า เป็นผู้ที่ลงหลักปักฐานในดินแดนออสเตรเลียมานานกว่ากลุ่มคนผิวขาวที่เพิ่งจะมาตั้งรกรากในยุคอาณานิคม อย่างไรก็ดี กระบวนการเสนอชื่อและคัดเลือกภาพของผู้ที่จะมาอยู่บนธนบัตร 5 ดอลลาร์ฯ ที่จะจัดพิมพ์ใหม่ อาจใช้เวลาอย่างน้อย 1-2 ปี ซึ่ง ซึ่งสำหรับเหตุการณ์นี้ทำให้เราเห็นการเปลี่ยนแปลงของประเทศออสเตรเลียมากเลยทีเดียว Source : https://news.yahoo.com/australia-remove-monarch-banknotes-012748576.html?fr=sycsrp_catchall&fbclid=IwAR2Xc_IanJgrKKsw9zQWdd0OGtYpxlilhwijzCmMeMUkK5EOI4o3lBWdfJQ ติดตามเราได้ที่ช่องทางอื่นๆ Facebook : https://www.facebook.com/the.enterprise.platform Website: https://www.theenterprise.cc Blockdit : https://www.blockdit.com/the.enterprise.platform Linkedin: https://www.linkedin.com/company/73863082 Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCMEwm2AfCtYOAW1dJIGfUkA Spotify: https://open.spotify.com/show/3UP6gTN73hLZosIdWRaJ69

Read More

Jozeph Forakis Design จากมิลาน ได้ออกแบบเรือยอช์ตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยมีความตั้งใจสร้างเรือให้ใกล้ชิดกับทะเลและธรรมชาติให้ได้มากที่สุด จึงเกิดเป็นแนวคิดออกแบบเรือล่องหนที่ไม่ส่งผลเสียกับสิ่งแวดล้อมขึ้นมา เรือที่สร้างขึ้น ชื่อว่า ‘’ Pegasus 88M ‘’ เป็นเรือซูเปอร์ยอช์ตที่สร้างขึ้นจากเครื่องพิมพ์ 3 มิติลำแรกของโลก โดยใช้เครื่องพิมพ์นี้สร้างทั้งตัวเรือและโครงสร้างส่วนบน ทำให้ได้วัสดุที่มีความทนทานแต่น้ำหนักเบา ซึ่งสามารถผลิตได้ด้วยพลังงาน ของเสีย และใช้เวลาในการสร้างน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเรือยอช์ตโดยปกติทั่วไป ส่วนด้านนอกของเรือได้มีการดีไซน์ให้มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นด้วยพื้นผิวโลหะสีเงิน ทำให้ตัวเรือสะท้อนภาพโดยรอบและกลมกลืนไปกับผิวน้ำจนดูเหมือนว่าเรือลำนี้กำลังล่องหนอยู่กลางมหาสมุทร จริง ๆ ภายในเรือยังมี ‘Tree of Live’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสวนไฮโดรโปนิกส์ที่จะทำให้ผู้โดยสารบนเรือยอช์ตได้รับอากาศบริสุทธิ์ระหว่างล่องเรืออีกด้วย นอกจากนี้ Pegasus 88M ยังไม่ปล่อยคาร์บอนขณะล่องอยู่ในทะเล และสามารถเดินทางได้อย่างไม่จำกัดระยะทางด้วยการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการเปลี่ยนน้ำทะเลให้เป็นพลังงานไฮโดรเจน ซึ่งสามารถกักเก็บพลังงานไว้ได้เป็นเวลานานสำหรับนำมาใช้กับเรืออีกด้วย นี่เป็นอีกนวัตกรรมของเรือที่ออกแบบมาได้อย่างน่าสนใจ จนทำให้ใครหลายคนอยากไปทดลองนั่งกันเลยทีเดียว Source : https://www.forakis.com/work/pegasus-88m/?utm_source=DesignTAXI&utm_medium=DesignTAXI&utm_term=DesignTAXI&utm_content=DesignTAXI&utm_campaign=DesignTAXI&fbclid=IwAR37MWRE4hctPeUZnnXFfp1urGd4_3ex9yOSw06u4_KzP07zcjc7eKN8nIQ ติดตามเราได้ที่ช่องทางอื่นๆ Facebook : https://www.facebook.com/the.enterprise.platform Website: https://www.theenterprise.cc Blockdit : https://www.blockdit.com/the.enterprise.platform Linkedin: https://www.linkedin.com/company/73863082 Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCMEwm2AfCtYOAW1dJIGfUkA Spotify: https://open.spotify.com/show/3UP6gTN73hLZosIdWRaJ69

Read More

หัวหอม ถ้าบ้านเราก็เป็นแค่ของราคาถูกที่ส่วนใหญ่คนก็จะเอาไปทำอาหาร แต่ไม่ใช่สำหรับประเทศฟิลิปปินส์ เพราะหัวหอมมีราคาพุ่งสูงกว่าเนื้อสัตว์และยิ่งไปกว่านั้นสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำรายวันของประเทศเลยทีเดียว สาเหตุเกิดจากปีนี้หัวหอมขาดแคลนอย่างมาก เพราะผลผลิตในท้องตลาดมีไม่เพียงพอต่อความต้องการคนซื้อ ด้วยเหตุผลจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทำให้เกิดการลักขโมยผลิตผลทางการเกษตร รวมถึงปัญหาเรื่องการขนส่ง เลยยิ่งทำให้ราคาหัวหอมพุ่งทะยานไปไกลจนฉุดไม่อยู่ ถึงกิโลกรัมละ 700 เปโซ หรือ ประมาณ 425 บาท ถึงแม้รัฐบาลฟิลิปปินส์จะพยายามควบคุมราคาหัวหอมให้อยู่ที่กิโลกรัมละไม่เกิน 200 เปโซ หรือประมาณ 121 บาท และพยายามนำเข้าหัวหอมจำนวน 21,000 ตันจากต่างประเทศ แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เพราะราคาหัวหอมยังพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง จนร้านค้าหลายแห่งในประเทศฟิลิปปินส์เริ่มยกเลิกใช้หัวหอมเป็นวัตถุดิบในการทำอาหาร ซึ่งตอนนี้ราคาหัวหอมอยู่ที่กิโลกรัมละ 700 เปโซ หรือ ประมาณ 425 บาท เรื่องนี้ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความลำบากอย่างมาก เนื่องจากหัวหอมเป็นวัตถุดิบนำสำคัญที่ช่วยเพิ่มรสชาติให้กับอาหารของประเทศนี้ โดยหัวหอมก็ได้กลายไปเป็นสัญลักษณ์ของค่าครองชีพที่สูงขึ้น หรือกลายเป็นสินค้าที่แสดงถึงความร่ำรวย จนทำให้เกิดข่าวว่า ในงานแต่งงานชายหญิงคู่หนึ่ง ได้นำเอาพวงหอมแทน มาใช้แทนช่อดอกไม้ เลยทีเดียว Source : https://www.bbc.com/news/business-64327724?fbclid=IwAR2ZxluZd576K6DtLHvBXojxneYXmOK76N2x_syNfVUU1TsHKRCmweVdG70 ติดตามเราได้ที่ช่องทางอื่นๆ Facebook : https://www.facebook.com/the.enterprise.platform Website: https://www.theenterprise.cc Blockdit : https://www.blockdit.com/the.enterprise.platform Linkedin: https://www.linkedin.com/company/73863082 Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCMEwm2AfCtYOAW1dJIGfUkA Spotify: https://open.spotify.com/show/3UP6gTN73hLZosIdWRaJ69

Read More

JFIN จับมือเจมาร์ท กรุ๊ป และพันธมิตร ผนึกกำลังทั้งกลุ่มจัดเต็มฉลองครบรอบ 5 ปี “JFIN 5th Anniversary” มอบสิทธิพิเศษให้แฟนคลับและผู้ใช้งาน Join Application “รับ” ของรางวัลได้ทุกวันจำนวนมากกว่า 10,000 รางวัล พร้อมทั้งยังเปิดให้ร่วมสนุกได้สิทธิ์รับรางวัลใหญ่ ตั้งแต่วันนี้ – 14 มีนาคม 2566 ธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด (J Ventures) ผู้พัฒนาเทคโนโลยีของ JFIN แพลตฟอร์ม และดิจิทัล ทรานสฟอร์เมชัน ในกลุ่มเจมาร์ท กรุ๊ป (Jaymart Group) กล่าวถึง โอกาสครบรอบ 5 ปีของ JFIN ในปีนี้ว่า เพื่อเป็นการขอบคุณผู้ถือเหรียญ JFIN และผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน/แพลตฟอร์มต่างๆ ที่เราเรียกว่า JFIN Family จึงได้จัดกิจกรรม “JFIN 5th Anniversary” ขึ้นมา โดยผนึกกำลังกับ Ecosystem สำคัญ “Jaymart Group” รวมทั้งพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง ที่เป็น Validator Nodes บน JFIN Chain ร่วมกันมอบสิทธิพิเศษให้กับทั้งผู้ถือ JFIN และผู้ใช้งาน Join Application ซึ่งเป็นบล็อกเชน แอปพลิเคชันต่อยอดเพื่อการใช้งาน JFIN สำหรับทุกคน และยังเป็น Non-Custodial Wallet ที่พร้อมรองรับเทคโนโลยี Web3.0 ในอนาคต “5 ปีที่ผ่านมาของ JFIN ไม่ได้แค่สร้างเหรียญคริปโตเท่านั้น แต่ JFIN ยังได้สร้างโปรเจกต์/แพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องออกมา เพื่อช่วยขับเคลื่อนนำองค์กรใน Ecosystem และพันธมิตร มุ่งสู่ Digital Transformation (DX) รวมถึงการสร้างแพลตฟอร์มให้กับผู้บริโภคยุคใหม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีบล็อกเชนได้โดยง่าย …

Read More

ถึงแม้ประเทศไทยเราจะไม่มีหิมะตก อาจจะนึกภาพไม่ออกว่ามันสามารถสร้างความเดือดร้อนให้กับบ้านเมืองมากแค่ไหน แต่ญี่ปุ่นกลับต้องเผชิญกับปัญหาเหล่านี้อย่างไม่จบไม่สิ้น จังหวัดอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่หิมะตกสูงที่สุดในประเทศ ทำให้รัฐบาลต้องใช้ทรัพยากรและเงินจำนวนมากในการกำจัดหิมะออกจากอาคาร บ้าน และถนน เพื่อนำไปทิ้งลงทะเล อย่างเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2565 มีค่าใช้จ่ายในการกำจัดหิมะสูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 5.9 พันล้านเยน หรือประมาณ 1.5 พันล้านบาท ทีมวิจัยจาก Forte จึงได้มองหาวิธีการกำจัดหิมะที่ดีกว่าการทิ้งลงทะเล และค้นพบว่าหิมะเป็นแหล่งพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ต้นทุนต่ำ และปลอดภัย จึงลองใช้หิมะจำนวนมากกับอากาศภายนอกเพื่อผลิตพลังงานสะอาด ด้วยการใช้ท่อความร้อนในการจ่ายอากาศเย็นจากหิมะและอากาศร้อนจากอากาศภายนอกไปที่กังหันผลิตไฟฟ้า ความแตกต่างของอุณหภูมิทำให้เกิดกระแสพาความร้อนในของเหลวหล่อเย็นของกังหัน ทำให้กังหันหมุนและผลิตไฟฟ้าออกมาได้ ยิ่งความแตกต่างของอุณหภูมิหิมะและอากาศมีมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ระบบทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยทีมวิจัยมองว่าการผลิตไฟฟ้าจากหิมะอาจมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และอาจคุ้มค่ากว่าเสียด้วยซำ้ แต่อย่างไรก็ตาม พลังงานสะอาดจากหิมะก็ยังมีข้อจำกัดอยู่นั่น คือ มันสามารถให้พลังงานได้แค่อุปกรณ์ขนาดเล็กเท่านั้น ไม่ใช่กังหันใหญ่ ๆ อย่างที่เราคิดกัน อีกทั้งยังต้องใช้พื้นที่กว้างขวางในการติดตั้งและจัดเก็บอุปกรณ์สำหรับสร้างพลังงาน ซึ่งในอนาคตถ้าสามารถแก้ไขจุดนี้ได้เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะถูกนำไปใช้ในอีกหลาย ๆ ประเทศแน่นอน Source : https://www.japantimes.co.jp/news/2023/01/08/national/science-health/aomori-research-snow-energy/?utm_source=DesignTAXI&utm_medium=DesignTAXI&utm_term=DesignTAXI&utm_content=DesignTAXI&utm_campaign=DesignTAXI&fbclid=IwAR2m8mTsrDYofVZEvzxtVAtPgEldCo-EpG9279H4ao1l2Z6DPTXcM71yT5c ติดตามเราได้ที่ช่องทางอื่นๆ Facebook : https://www.facebook.com/the.enterprise.platform Website: https://www.theenterprise.cc Blockdit : https://www.blockdit.com/the.enterprise.platform Linkedin: https://www.linkedin.com/company/73863082 Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCMEwm2AfCtYOAW1dJIGfUkA Spotify: https://open.spotify.com/show/3UP6gTN73hLZosIdWRaJ69

Read More

เทคโนโลยี AI ก้าวไปเร็วจนตามกันไม่ทันแล้ว ตอนนี้ล้ำไปถึงขั้นที่สามารถเปลี่ยนสายตาคนในจอให้มองกล้องได้ตลอดเวลา Nvidia บริษัทผลิตการ์ดจอ ได้มีการออกโปรแกรมที่ใช้ในการประมวลผลภาพรวมกับเทคโนโลยี AI โดยตั้งชื่อว่า ‘’ Broadcast ‘’ คือ โปรแกรมที่ช่วยในการประมวลผลภาพให้ดีขึ้น ซึ่ง Broadcast ก็มีการใช้ AI ช่วยแต่งทุกอย่างให้เนียนขึ้นทั้งภาพและเสียง โดยทั้งหมดทำผ่านการประมวลผลของการ์ดจอของ Nvidia จุดเด่นของตัวนี้เลย คือ AI ตัวหนึ่งในโปรแกรม Broadcast ที่ชื่อว่า Eye Contact โดยการทำงานจะเป็นการประมวลผลแบบสด ๆ ซึ่งถึงแม้สายตาคุณจะไม่มองกล้องมันก็สามารถเปลี่ยนการประมวลผลของสายตาให้มองกล้องได้อย่างอัจฉริยะ หลักการทำงานของมัน ก็คือ มันจะแทนที่ดวงตาคุณด้วยดวงตาจำลองที่มองกล้อง หรือมองหน้าคนดูวิดีโอตลอด ซึ่งสีตามันจะเหมือนคุณเป๊ะ ๆ และมันก็จะกะพริบตาพร้อมคุณด้วย และเป็นไปอย่างแนบเนียนสุดๆ ซึ่งมีคนลองใช้มาบ้างแล้ว บางคนก็ชอบเพราะมันทำให้ดูจริงจังดี แถมยังไปปรับใช้กับงานได้หลายประเภท แต่บางคนก็จะบอกว่าใช้แล้วมันต้องมองกล้องตลอดเวลาจนหลอน เพราะในชีวิตจริงปกติของคน การถูกจ้องตาไม่หยุดแค่ 10 วินาทีก็ทำให้อึดอัด Source : https://arstechnica.com/information-technology/2023/01/with-nvidia-eye-contact-youll-never-look-away-from-a-camera-again/?fbclid=IwAR2CT75eMe6GhjvTisiPAMSrSw9cbKap8_kpBmsn5qPvsef-rIBgfuLfRpk ติดตามเราได้ที่ช่องทางอื่นๆ Facebook : https://www.facebook.com/the.enterprise.platform Website: https://www.theenterprise.cc Blockdit : https://www.blockdit.com/the.enterprise.platform Linkedin: https://www.linkedin.com/company/73863082 Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCMEwm2AfCtYOAW1dJIGfUkA Spotify: https://open.spotify.com/show/3UP6gTN73hLZosIdWRaJ69

Read More

งานมหกรรม Blockchain และสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ พบกับชุมชนคนในวงการสินทรัพย์ดิจิตัล บล็อกเชน และบิตคอยน์ เต็มอิ่มจุใจ 4 วัน ในวันที่ 23-26 กุมภาพันธ์ 2566 Block mountain CNX 2023 งานมหกรรม Blockchain และสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ รวมเหล่ากูรูและเครือข่ายพันธมิตรในอุตสาหกรรม Blockchain Digital Asset และ Bitcion ไว้บนเวทีเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ร่วมทั้งกิจกรรมสนุกอีกมากมาย ตลอดสุดสัปดาห์ ในรูปแบบ Blockchain Festival วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 Pre Event13:00 – 18:00 CNX NFT DAY ที่ร้านโบตั๋นบาร์ นิมมาน ซอย 5 Co host by เช้านี้ -Ticket entry18:00 – 22:00 Metaverse night & Seed Party ที่ร้านโบตั๋นบาร์ นิมมาน ซอย 5 Co host by Thai metaverse association & Seed Party – Free entry วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 Main Event Day 19:00 – 18:00 Block Mountain Day1 อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีภาคเหนือ – Ticket entry19:00 – 22:00 Block Mountain Welcome Party (…

Read More

บริษัทด้านเทคโนโลยีรายใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Amazon กำลังซุ่มเตรียมตัวพัฒนาโปรเจกต์ NFT ซึ่งก่อนหน้า Amazon ได้มีส่วนร่วมในการเข้ามาสู่โลกของ Web 3 มาระยะหนึ่ง ทั้งการสะสมของดิจิทัล การเล่นเกมบนบล็อกเชนและแอพพลิเคชัน NFT Amazon มองว่าการเข้ามาในอุตสาหกรรมคริปโตนั้นเป็นเรื่องที่ใหญ่ แต่ถึงอย่างไรการเริ่มก้าวเข้ามาก็ถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญ โดยจะเริ่มพัฒนาจากโปรเจกต์ NFT ไปสู่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในอนาคต ผู้บริหารของ Amazon เป็นผู้นำในการผลักดันเทคโนโลยี Web3 ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ได้มีการทำโปรเจกต์ NFT กับศิลปิน และพิมพ์เขียว Web3 ของ Amazon ก็ดูเหมือนจะมีการพัฒนาเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากนับตั้งแต่นั้นมา แม้จะยังไม่ชัดเจนว่าใครเป็นผู้ริเริ่มโปรเจกต์ NFT ของ Amazon แต่รายละเอียดระบุว่าเกม NFT บางเกมกำลังเปิดตัวอยู่ และแหล่งข่าว 2 แหล่งกล่าวว่าแพลตฟอร์มดังกล่าวถูกกำหนดให้สามารถใช้งาน Amazon ได้ทั้งหมดแล้ว แทนที่จะเป็นแพลตฟอร์มเว็บโฮสติ้งยอดนิยมอย่าง Amazon Web Services (AWS) Andy Jassy CEO ของ Amazon ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า เขาเปิดให้บริษัทขาย NFT และบริษัทก็ไม่ได้ปิดประตูสู่เหรียญ Crypto โดยทั่วไป ดังนั้นถ้าหากการเปิดตัว Amazon NFT ในเดือนเมษายนประสบความสำเร็จ พวกเขาอาจสามารถสร้างรายได้จากตลาด NFT ได้อย่างมหาศาลด้วยจำนวนของลูกค้าที่ Amazon มีอยู่ Source : https://blockworks.co/news/amazon-nft-marketplace-web3 ติดตามเราได้ที่ช่องทางอื่นๆ Facebook : https://www.facebook.com/the.enterprise.platform Website: https://www.theenterprise.cc Blockdit : https://www.blockdit.com/the.enterprise.platform Linkedin: https://www.linkedin.com/company/73863082 Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCMEwm2AfCtYOAW1dJIGfUkA Spotify: https://open.spotify.com/show/3UP6gTN73hLZosIdWRaJ69

Read More

นักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งได้ไปพบกับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘ตัวกินไวรัส’ หรือ Virovore โดยชื่อเป็นเพียงแค่นามสมมุติที่ตั้งขึ้นมา เนื่องจากไม่มีใครเคยพบเห็นสิ่งมีชีวิตกลุ่มนี้มาก่อน ในโลกนี้มีสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่เรียกแบบรวมๆ ว่า Protist คือ พวกสัตว์เซลล์เดียวที่จัดประเภทไม่ได้ และนักวิทยาศาสตร์ก็ค่อยๆ ศึกษาสิ่งมีชีวิตพวกนี้ว่ามันเป็นยังไง จนมีการค้นพบ Protist ถึง 2 ชนิดที่มีชีวิตอยู่ด้วยการกินไวรัสเป็นอาหาร โดยเรื่องนี้ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Proceedings of the National Academy of Sciences ในเดือนพฤศจิกายน 2022 วิธีการทดสอบของนักวิทยาศาสตร์ก็ง่ายมาก คือ นำเอาไวรัสใส่ลงไปในนำ้และโยนพวก Protist ลงไป ซึ่งก็พบว่าจำนวนไวรัสมันลดลงจนหมด และ Protist พวกนี้ก็เพิ่มขึ้น ซึ่งเขาก็ทดลองละเอียดซ้ำจนชัวร์ว่าพวก Protist พวกนี้กินไวรัสจริงๆ การค้นพบครั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก เพราะในแง่หนึ่งเทคโนโลยีที่พัฒนาจากสิ่งมีชีวิตพวกนี้ก็อาจใช้ในการกำจัดไวรัสได้ในอนาคต หรือพูดอีกแบบคือ ถ้าเราเอาสิ่งมีชีวิตพวกนี้ไปตัดต่อพันธุกรรม แล้วใส่ไปในร่างกายมนุษย์ เราก็อาจสร้างภูมิคุ้มกันแบบใหม่ให้มนุษย์ก็ได้ หรือพูดง่ายๆ Source : https://gizmodo.com/first-lifeform-known-to-eat-viruses-vivovore-1849944677?fbclid=IwAR23aqKMoF2rDBHVWUiHuCrVxfD8Qr_WQte3kzA5kfIyogqB2eReqxJZQxc ติดตามเราได้ที่ช่องทางอื่นๆ Facebook : https://www.facebook.com/the.enterprise.platform Website: https://www.theenterprise.cc Blockdit : https://www.blockdit.com/the.enterprise.platform Linkedin: https://www.linkedin.com/company/73863082 Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCMEwm2AfCtYOAW1dJIGfUkA Spotify: https://open.spotify.com/show/3UP6gTN73hLZosIdWRaJ69

Read More

Samsung Galaxy S23 series มาพร้อมกับ Adobe Lightroom รองรับการแก้ไขภาพถ่าย Expert RAWแล็ปท็อป Samsung Galaxy Book3 Ultra และ Pro series รองรับการแก้ไขภาพถ่าย Expert RAW ด้วย Lightroom พร้อมความสามารถซิงโครไนซ์ภาพถ่ายสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป Galaxyฟีเจอร์ระดับโลกของ Lightroom ช่วยให้ผู้ใช้ในทุกคนสามารถแก้ไขภาพได้จากทุกที่และทุกอุปกรณ์ ด้วยค่าพรีเซ็ตและ tutorial สำหรับมือสมัครเล่น และเทคโนโลยีที่ช่วยปรับปรุงรายละเอียดขั้นสูงสำหรับมือโปร กรุงเทพฯ — 15 กุมภาพันธ์ 2566 – อะโดบี (Nasdaq:ADBE) เผย สมาร์ทโฟน Samsung Galaxy S23 series ที่วางจำหน่ายทั่วโลกจะใช้ Adobe Lightroom เป็นดีฟอลต์ฟีเจอร์สำหรับโหมดตกแต่งภาพถ่าย รองรับภาพถ่าย RAW ที่ถ่ายด้วยแอป Expert RAW  ทั้งนี้ แอป Expert RAW ที่มีเฉพาะใน Samsung Galaxy ช่วยให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพในสไตล์ DSLR และแก้ไขภาพในรูปแบบ RAW และ JPEG  นอกจากนี้ หลังจากที่ดาวน์โหลดและติดตั้ง ฟังก์ชั่นของแอป Expert RAW ยังสามารถเข้าถึงได้ผ่านแอปกล้องถ่ายรูปบน Galaxy S23 series  ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อมอบประสบการณ์ครอบคลุม Galaxy ecosystem ที่ดียิ่งขึ้น แล็ปท็อป Samsung Galaxy Book3 Ultra และ Pro series จะทรานส์เฟอร์ภาพ Expert RAW จาก อุปกรณ์ Galaxy S23 series ได้อัตโนมัติ และให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขภาพบน Adobe Lightroom…

Read More